ประกันภัยรถยนต์ประเภทใดเหมาะกับใคร ชั้นไหนเหมาะกับคุณ
เป็นที่ทราบกันดีว่าประกันภัยรถยนต์มีอยู่หลายประเภท หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าประกันภัยชั้นต่างๆ ซึ่งแต่ละประเภทก็มีความคุ้มครองแตกต่างกันออกไปแล้วประเภทไหนเหมาะกับใคร ประกันชั้นไหนเหมาะกับคุณ มาศึกษาข้อมูล เพื่อการตัดสินใจเลือกทำประกันภัยให้เหมาะสมกับรถและการขับขี่ของคุณกันดีกว่า
1) ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1
เมื่อขึ้นชื่อว่าชั้น 1 แล้ว แน่นอนว่าต้องมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด หากเปรียบเทียบกับประกันภัยชั้นอื่นๆ นั่นคือคุณจะได้รับความคุ้มครองความสูญหายและความเสียหายต่อตัวรถยนต์จากอุบัติเหตุทุกกรณี ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดจากการกระทำของบุคคลภายนอก เจ้าของรถ หรือตัวผู้ขับขี่เอง หรือแม้แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบรายละเอียดของการเกิดเหตุเลยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร มีลักษณะการเกิดเหตุอย่างไร ใครเป็นผู้กระทำ หรือเกิดเหตุที่ไหนก็ตาม ประกันภัยชั้น 1 ก็ยังคงให้ความคุ้มครองอยู่นั่นเอง
ด้วยความคุ้มครองที่มากกว่าของประกันภัยชั้น 1 จึงเป็นรูปแบบการประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของรถหลากหลายประเภท ซึ่งจำแนกให้ทุกท่านได้ทราบกันดังนี้
1.1 รถใหม่ป้ายแดง รวมถึงรถที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี ด้วยความใหม่จึงเป็นรถที่มีความเสี่ยงสูง เพราะมีโอกาสหายมากกว่ารถเก่า และด้วยความใหม่อีกเช่นกันที่ทำให้ผู้ขับขี่ยังไม่มีความคุ้นเคยในการใช้งานหรือการบังคับควบคุมรถขณะขับขี่ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนแต่เป็นความเสียงที่มากกว่าของรถใหม่
1.2 ผู้ขับขี่มือใหม่ไร้ประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นรถคันใดก็ตาม หากมีมือใหม่หัดขับมาเป็นผู้บังคับขับขี่แล้ว รถคันนั้นจะมีความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น การทำประกันภัยชั้น 1 จึงถือว่าเหมาะสมกับผู้ขับขี่มือใหม่มากที่สุด
1.3 รถที่ใช้งานหนัก หรือใช้งานเป็นประจำ ความเสี่ยงของรถแต่ละคันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวผู้ขับขี่หรือตัวรถเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานด้วย หากรถใช้งานหนัก วิ่งทางไกล หรือใช้เป็นประจำทุกวัน ย่อมส่งผลให้มีค่าความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ดังนั้น รถที่ใช้งานหนักกว่าจึงต้องการความคุ้มครองที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน
2) ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2 พิเศษ / 2+ (ประกันภัยประเภท 5)
ประเภท 2 หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ประกันชั้น 2 พลัส เป็นประกันภัยที่มีความคุ้มครองรองลงมา โดยยังคงได้รับความคุ้มครองหากเป็นกรณีรถสูญหาย หรือความเสียหายเกิดขึ้นจากไฟไหม้รถ แต่จะต่างจากประกันภัยชั้น 1 ตรงที่ไม่มีความคุ้มครองในส่วนของความเสียหายทั่วๆ ไป หากความเสียหายนั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่การชนกับยานพาหนะทางบก
โดยประกันภัยประเภท 2 พลัส นั้นเหมาะกับรถที่ใช้งานเป็นประจำแต่จอดในพื้นที่เสี่ยง รถที่ไม่มีที่จอดในที่ที่มีรั้วรอบขอบชิด เช่น จอดไว้หน้าบ้าน หรือผู้ที่อาศัยอยู่บ้านตึกแถว ซึ่งจำเป็นต้องจอดรถริมถนน หรือมีความจำเป็นต้องจอดรถไว้ตามที่สาธารณะเป็นประจำ เช่น รถของผู้ที่มีอาชีพค้าขาย หากไม่อยากทำประกันภัยชั้น 1 คุณสามารถทำประกันภัยประเภท 2+ ไว้อุ่นใจกว่าเยอะ และหากเกิดอุบัติเหตุชนกับรถคู่กรณีก็ยังคงได้รับความคุ้มครองสำหรับความเสียหายในส่วนนี้อีกด้วย
3) ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ / 3+ (ประกันภัยประเภท 5)
เป็นประกันภัยที่มี่ความคุ้มครองต่ำที่สุดในตลาด โดยจะให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายสำหรับทรัพย์สินของคู่กรณี และความเสียหายของตัวรถ เฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นจากการชนกับยานพาหนะทางบก โดยจะไม่คุ้มครองการสูญหายหรือการถูกไฟไหม้ของรถยนต์ รวมถึงไม่คุ้มครองความเสียหายทั่วๆ ไป ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือคู่กรณี ประกันภัยประเภท 3+ นั้นจึงเหมาะกับรถประเภทต่างๆ ดังนี้
3.1 รถเก่าที่มีอายุเกิน 7 ปีขึ้นไป ถึงรถจะเก่าเพียงใด แต่ก็จำเป็นต้องมีความคุ้มครองจากการทำประกันภัย แม้ว่าความคุ้มครองสำหรับตัวรถอาจไม่จำเป็นก็ตาม แต่การใช้งานโดยทั่วไปก็อาจสร้างความเสียหายให้กับคู่กรณีหรือบุคคลภายนอกได้หากเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นถึงรถจะเก่าเพียงใด แต่ก็แนะนำให้ทำประกันภัยไว้สบายใจกว่า
3.2 รถที่ใช้งานเป็นประจำ แต่ไม่มีความเสี่ยงเรื่องสถานที่จอดรถ การนำรถไปใช้งานบนท้องถนนเป็นประจำนั้นย่อมมีความเสี่ยงไม่น้อยที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้น แม้ว่าผู้ขับขี่จะใช้ความระมัดระวังเพียงใดก็ตาม แต่ก็มีโอกาสที่ผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นอาจขับขี่รถด้วยความประมาทจนทำให้เกิดความเสียหายแก่รถของเราได้ จะดีกว่าหรือไม่หากรถของเราถูกชน แต่มีประกันภัยคอยให้ความคุ้มครองโดยไม่ต้องไปติดตามเรียกร้องค่าเสียหายกับคู่กรณีด้วยตัวเอง
4) ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ธรรมดาและ 3 ธรรมดา
ปัจจุบันประกันภัยกลุ่มนี้เริ่มไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีความคุ้มครองที่ไม่ครอบคลุม คือจะไม่คุ้มครองความเสียหายของรถคันเอาประกันภัย หากเกิดอุบัติเหตุ แม้จะเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยมีคู่กรณีก็ตาม ทั้งนี้ เมื่อนำความคุ้มครองของประเภท 2 พลัส หรือ 3 พลัส มาเปรียบเทียบแล้ว ถือว่าคุ้มค่ากว่ามากกับค่าเบี้ยที่จ่ายเพิ่มขึ้นอีกเพียงเล็กน้อยแต่ได้ความคุ้มครองที่มากกว่า
จะเห็นได้ว่าประกันภัยแต่ละประเภทก็มีความคุ้มครองแตกต่างกันออกไป การเลือกทำประกันภัยแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามเวลา และลักษณะการใช้งาน ตามที่ได้กล่าวถึงไว้แล้ว แต่ไม่ว่าจะทำประกันภัยชั้นใดก็ตาม เราก็ควรขับขี่รถด้วยความไม่ประมาท และใช้ความระมัดระวังและมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวและตัวท่าน รวมไปถึงเพื่อนร่วมทางที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกันด้วย