ในประเทศไทยมีการสำรวจพบว่าผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับจะมีประมาณ 22 % ในปี 2556 หรือในผู้สูงอายุ ทุก 5 คนจะพบผู้มีอาการ 1 คน และผู้หญิงจะมีอาการนอนไม่หลับมากกว่าผู้ชาย และผลกระทบที่เกิดจากการนอนไม่หลับมีมากกว่าที่คิด
3 สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้แก่
1.ปัญหาการเจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ
2.การใช้ยารักษาโรคบางชนิดที่ทานอยู่ประจำ
3.พฤติกรรมการนอนที่ไม่เหมาะสม
10 วิธีที่ควรทำเพื่อช่วยในป้องกันปัญหานอนไม่หลับและช่วยให้การนอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีดังนี้
1. ฝึกเข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลาเป็นกิจวัตรทุกวัน เพื่อให้ร่างกายเกิดความเคยชิน
2.เมื่อตื่นแล้วลุกจากที่นอนทันที ควรทำให้สมองและร่างกายตื่นตัว ด้วยการรับแสงแดดอ่อนๆในตอนเช้า ออกกำลังกายเบาๆ 10 -15 นาที
3. ก่อนนอน 1-2 ชั่วโมง ลองอาบน้ำอุ่น ดื่มนมหรือดื่มน้ำผลไม้ อ่านหนังสือเบาๆสมองประมาณ 10 นาที เลี่ยงให้เกิดความเครียด
4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันอย่างน้อยวันละ 30 นาที
5. ห้องนอนควรมืด เงียบ สบาย ปลอดภัย อากาศถ่ายเทดี
6. เวลานอนเต็มที่ควรนอนเวลานอนกลางคืนเท่านั้น และไม่ควรทำงาน ดูทีวีหรืออ่านหนังสือบนที่นอน
7. หากเกิดอาการนอนไม่หลับ หลังจากเข้านอน 15-30 นาที ควรลุกจากที่นอนและหากิจกรรมที่ไม่เครียดทำ
8. ไม่ควรงีบหลับในช่วงกลางวัน หากจำเป็นไม่ควรงีบเกิน 30 นาที
9. ก่อนนอนควรงดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มที่มีคาแฟอีน เช่น ชา กาแฟ
10. อาหารมื้อเย็นควรรับประทานแบบเบาๆ เช่น นม น้ำผลไม้ ไม่ควรดื่มน้ำมากเกินไปจะทำให้ปวดปัสสาวะบ่อยจะรบกวนการนอน
ใครที่มีปัญหานอนไม่หลับก็ลองดูนะครับ เผื่ออาจจะหลับได้ง่ายขึ้น แต่หากใครที่มีอาการมามากกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อให้การรักษาได้ทันและตรงกับสาเหตุที่่มาของอาการ เพราะหากปล่อยไว้เป็นมากการรักษาก็จะยิ่งยากขึ้นนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก ::
นพ.จุมภฎ พรมสีดา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ จ.สุราษฎร์ธานี
มติชนออนไลน์ www.matichon.co.th
Comments are closed.