full

เคลมสีรอบคัน เสียส่วนต่างอะไรหรือไม่

การเคลมสีรอบคัน

เป็นการเคลมอันดับต้นๆของการแจ้งเคลมประกันภัยรถยนต์เลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังมีคำถามจำนวนมากที่ถามว่า เคลมสีรอบคันได้ไหม? มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มหรือไม่ ซึ่งก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ก่อน ว่าเราทำประกันภัยเพื่ออะไร? คำตอบคือเราทำประกันเพื่อรับผิดชอบในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นหากรอยหรือสีที่เราจะเคลมนั้นเป็นเรื่องของความสวยงามของตัวรถมากกว่า ประกันภัยจึงมีเงื่อนไขในการเก็บค่าใช้จ่ายส่วนนี้ที่เราได้ยินกันว่าค่า “ค่า EXCESS” หรือที่เราเรียกกันว่า “ค่าเสียหายส่วนแรก” ซึ่งทุกครั้งของการเคลมทางประกันภัยจะเรียกเก็บเหตุการณ์ละ 1,000 บาท

       ซึ่งหากเราแจ้งเคลมรอบคัน ทางบริษัทประกันภัยจะเข้ามาตรวจสอบความเสียหายทั้งหมดและคิดเป็นแต่ละเหตุการณ์ เพราะการเคลมรอบคันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุเพียงแค่เหตุการณ์เดียว เพราะฉะนั้น ค่า EXCESS เหตุการณ์ละ 1,000 บาท ถ้าทั้งคันรวมๆแล้วก็อาจจะอยู่ ประมานราวๆ 5,000 บาทขึ้นไป หรือ บางรายก็อาจจะโดนเก็บหลักหมื่น เนื่องจากถูกนับเป็นเหตุการณ์ ดังนั้นถ้าถามว่าเคลมสีเคลมรอยเคลมได้ไหม คำตอบคือ เคลมได้ แต่จะมีการเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรก 1,000 บาทต่อเหตุการณ์นั่นเอง จริงๆแล้วไม่อยากแนะนำให้แจ้งเคลมกับบริษัทประกันภัยบ่อยๆ เพราะจะส่งผลให้ประวัติดีที่สะสมมาถูกลดลง และส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันภัยในปีต่ออายุปรับเพิ่มขึ้นอีกด้วย 

ซึ่งตัวอย่างเหตุการณ์ที่เก็บค่า Excess มี 2 กรณี ดังนี้

1.การเก็บสีเก็บรอย

ตัวอย่าง นาย A แจ้งเคลมรอยกับทางประกันภัย เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีรอยขรูดที่ประตูซ้าย หน้า-หลังมี 2 รอย เนื่องจากขรูดกับกำแพง ประกันจึงตีเป็น 1 เหตุการณ์  และพบรอยขรูดที่บริเวณ สเกริต์หน้า และ หลัง ไม่ทราบสาเหตุ ประกันจึงตี เป็น 2 เหตุการณ์ เท่ากับ 2,000 บาท เพราะการเกิดอุบัติเหตุ 1 ครั้ง เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดพร้อมกับหน้า-หลัง ดังนั้นเหตุการณ์นี้จึงถือว่าเกิด 2 เหตุการณ์นั่นเอง หรือเหตุการณ์ดังต่อไปนี้

  • เฉี่ยวรั้ว
  • ชนเสา
  • หินกระเด็นใส่
  • กิ่งไม้หล่นใส่

            จากเหตุการณ์ดังกล่าวจะเห็นได้ว่า การเคลมรอยนั้นทางประกันภัยไม่ได้เรียกเก็บค่า Excess เป็นแต่ละชิ้นส่วนของรถหรือแยกเก็บเป็นรอยละ 1,000 บาท แต่ใช้เกณฑ์ นับเป็นเหตุการณ์ ดังนั้นการที่ประกันเรียกเก็บ 1,000 บาท ไม่ได้เก็บตามยอดค่าซ่อม พราะยอดค่าซ่อมรถนั้นอาจจะมีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 1,000 บาทก็เป็นได้ อย่างเช่นการทำสี แต่ละจุดมียอดค่าซ่อมมากกว่า 1,000 บาทอยู่แล้วเพราะต้องผ่านวิธีการขัดสี ลงสีพื้น และสีจริงของรถ และหากแผลใหญ่ก็ใช้จะเวลาและปริมาณการแก้ไขค่อนข้างนาน ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าการทำสีของรถยบางแบรนด์ถึงได้พุ่งสูงเป็นหลักหมื่น

2.การแจ้งเคลมที่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้

นาย B จอดรถไว้ที่ห้างสรรพสินค้าและเข้าไปซื้อของกลับมาที่รถ เจอรอยเฉี่ยวประตูซ้าย ซึ่งไม่ทราบว่าใครขับมาชน จึงได้โทรแจ้งเคลมกับประกันภัย การแจ้งเคลมลักษณะที่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ ประกันจะเรียกเก็บค่า Excess 1,000 บาท หรือเหตุการณ์ต่างๆดังนี้

  • ชนสุนัข (เนื่องจากทางประกันภัยไม่สามารถเรียกร้องคู่กรณีที่เป็นสุนัขได้)
  • ถูกชนแล้วหนี
  • ถูกสีกระเด็นใส่

            จากเหตุการณ์ข้างต้นจะเป็นการเคลมที่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้แต่ถ้าหากเราสามารถกาหลักฐานมายืนยันและแจ้งความไว้เป็นหลักฐานได้ เช่น กล้องวงจรปิด กล้องติดหน้ารถ พยานบุคคล เมื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันแล้ว ทางประกันก็จะสวมสิทธิ์ไปเรียกร้องคู่กรณีต่อไป

   ขั้นตอนการแจ้งเคลม        

  • โทรแจ้งเคลม เมื่อเหตุโทรแจ้งทันที
  • ประกันตรวจความเสียหาย หรือ บางบริษัทประกันภัยก็จะให้เปิดเคลม Online ผ่าน Application ของบริษัทประกันนั้นๆ
  • ประกันออกใบเคลม ทางประกันจะออกใบเคลมโดยระบุค่า Excess ที่เรียกเก็บ
  • นำใบเคลมยื่นซ่อม ที่ศูนย์หรืออู่คู่สัญญาของบริษัทประกันภัยของเรา
  • เมื่อรถซ่อมเสร็จจึงชำระค่า Excess กับทางประกันภัยก่อนรับรถ

ประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนสามารถเคลมรอยหรือเคลมสีรอบคันได้?

ใช่ว่าประกันภัยทุกประเภทจะสามารถแจ้งเคลมได้ทุกเหตุการณ์ เพราะบางประเภทก็มีเงื่อนไขในการแจ้งเคลมเหมือนกัน

เปรียบเทียบง่ายๆตามความคุ้มครองตามนี้

จากตารางข้างต้นเราจะเห็นว่าประกันภัยประเภท 1 จะคุ้มครองความเสียหายของทุกช่อง ดังนั้นการเคลมสีและการเคลมรอยสามารถเคลมได้เฉพาะกับประกันภัยชั้น 1 เท่านั้น ส่วนประกันภัยประเภทอื่นๆก็จะมีความคุ้มครองลดลงมาเพร้อมกับเงื่อนไขการเคลม

ยกตัวอย่าง ประกันภัยประเภท 2 พิเศษ หรือ 2+ ที่ความคุ้มครองดูใกล้เคียงกับชั้น 1 แต่จริงๆแล้วมีข้อแตกต่างอยู่พอสมควร เพราะประเภท 2 พิเศษ มีเงื่อนไขอยู่ว่าการเคลมต้องเป็นเหตุรถชนกับรถเท่านั้น คู่กรณีต้องอยู่ที่จุดเกิดเหตุ ดังนั้นหากเราจะเคลมสีเคลมรอย ประเภท 2 พิเศษจึงไม่คุ้มครองเพราะไม่ได้เกิดจากอุบติเหตุถชนกับรถ ถ้าเราต้องการเคลม ก็จะต้องออกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เอง 

ดังนั้นก่อนที่เราจะแจ้งเคลมรอยหรือเคลมสี ต้องตรวจสอบรอยแผลก่อนว่าเกิดเหตุเมื่อไหร่ มีคู่กรณีหรือไม่ เพื่อแจ้งรายละเอียดกับทางบริษัทประกันภัยทราบ ซึ่งจริงๆแล้วไม่แนะนำให้แจ้งเคลมกับประกันภัยบ่อยๆ เพื่อที่จะได้เป็นการรักษาประวัติดีของเราเองอีกด้วย เราจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนบริษัทประกันบ่อยๆ นะคะ